คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต
คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต
ผลดีในการใช้อินเทอร์เน็ต
⇒ ช่วยให้มีความสะดวกรวดเร็วในการสื่อสาร
⇒ ช่วยให้ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งปัจจุบันและในอนาคต
⇒ เป็นสื่อช่วยในเรื่องของการศึกษา ทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากขึ้น และยังสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา เช่นระบบการเรียนทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ต
แต่ในทางตรงกันข้าม สื่ออินเทอร์เน็ตก็มีผลเสียนำมาสู่เหตุการณ์นี้ได้
⇓⇓⇓
ข่าวลูกชายวัย 14 ปี ใช้มีดฟันแม่บังเกิดเกล้าจนเสียชีวิตที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ในบ้านเรา
ข่าวลูกชายวัย 14 ปี ใช้มีดฟันแม่บังเกิดเกล้าจนเสียชีวิตที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ในบ้านเรา กลายเป็นข่าวที่คนในสังคมไทยให้ความสำคัญในระดับหนึ่ง และมีแนวโน้มว่าข่าวนี้จะกลืนหายไปกับสายลม เพราะมีข่าวการเมืองที่ร้อนแรงกว่ามากลบ
ปัญหาสำคัญ ณ จุดนี้ก็คือการที่พ่อแม่ ผู้ปกครองต่างไม่ตระหนักถึงภัยที่เกิดขึ้นจากการเสพติดโซเชียลมีเดีย โดยไม่มีการควบคุม หรือให้คำแนะนำอย่างเพียงพอ กลุ่มตัวอย่างบางคนถึงกับยอมรับว่า ตนเองไม่รู้ว่าจะควบคุมเวลาการอยู่บนโลกออนไลน์อย่างไร เพราะหลงระเริงไปกับสื่อต่างๆที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดียและเกมออนไลน์ ทำให้สภาพจิตใจของกลุ่มตัวอย่างที่สารภาพว่า "เสพติดโซเชียลมีเดีย" มีความอดทนต่อปัจจัยทางกายภาพที่มากระทบกับตัวเองต่ำ
ปัญหาสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ เด็กหญิงกลุ่มตัวอย่างที่ติดการเสพสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น มีแนวโน้มที่จะปลีกตัวออกจากสังคม ไม่สนใจในการทำกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ เช่นงานอดิเรก
ผู้วิจัยก็ได้ให้คำแนะนำไว้ว่าควรตั้งคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ที่มีผู้เดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อยๆ เพื่อควบคุมและให้คำแนะนำแก่ลูกหลานในการใช้อินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น
รวมทั้ง "ไม่แนะนำใหพ่อ-แม่ซื้อสมาร์ทโฟนให้เป็นของขวัญแก่ลูกที่ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ"
นอกจากภัยจากไวรัสที่จะคืบคลานผ่านสายอินเทอร์เน็ตเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของที่บ้านแล้ว ยังมีภัยที่เด็กๆ อาจจะถูกล่อลวงไปทำร้าย ข่มขืน กรรโชกทรัพย์ หรือแม้กระทั่งการสังเวยชีวิต ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เมื่ออาชญากรรายหนึ่งเป็นชายวัย 24 ปีชื่อ "โยกี้" ได้ล่อลวงสาวน้อยอายุ 14 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊กให้ไปพบกัน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะวางยาเด็กสาวและข่มขืนกระทำชำเราพรากความบริสุทธิ์ของเด็กสาวไปโดยไม่ได้สมยอม
ตำรวจพบด้วยว่าสถานที่เกิดเหตุ เป็นเซฟเฮ้าส์ ที่นายโยกี้ได้ก่อเหตุเช่นนี้กับเด็กสาวมาหลายต่อหลายคนแล้ว และทุกคนก็ใช้การติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊ก
หลังจากข่มขืนอย่างหนำใจแล้ว นายโยกี้ ก็จัดส่งเด็กสาวทั้งหมดลงเรือไปยังเกาะบาตาม เพื่อขายเหยื่อทั้งหมดให้แก่เจ้าของสถานบริการทางเพศ ต่อไป
สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ ⇒⇒ http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/143832
ปัญหาสำคัญ ณ จุดนี้ก็คือการที่พ่อแม่ ผู้ปกครองต่างไม่ตระหนักถึงภัยที่เกิดขึ้นจากการเสพติดโซเชียลมีเดีย โดยไม่มีการควบคุม หรือให้คำแนะนำอย่างเพียงพอ กลุ่มตัวอย่างบางคนถึงกับยอมรับว่า ตนเองไม่รู้ว่าจะควบคุมเวลาการอยู่บนโลกออนไลน์อย่างไร เพราะหลงระเริงไปกับสื่อต่างๆที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดียและเกมออนไลน์ ทำให้สภาพจิตใจของกลุ่มตัวอย่างที่สารภาพว่า "เสพติดโซเชียลมีเดีย" มีความอดทนต่อปัจจัยทางกายภาพที่มากระทบกับตัวเองต่ำ
ปัญหาสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ เด็กหญิงกลุ่มตัวอย่างที่ติดการเสพสื่อโซเชียลมีเดียอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น มีแนวโน้มที่จะปลีกตัวออกจากสังคม ไม่สนใจในการทำกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ เช่นงานอดิเรก
ผู้วิจัยก็ได้ให้คำแนะนำไว้ว่าควรตั้งคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ที่มีผู้เดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อยๆ เพื่อควบคุมและให้คำแนะนำแก่ลูกหลานในการใช้อินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น
รวมทั้ง "ไม่แนะนำใหพ่อ-แม่ซื้อสมาร์ทโฟนให้เป็นของขวัญแก่ลูกที่ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ"
นอกจากภัยจากไวรัสที่จะคืบคลานผ่านสายอินเทอร์เน็ตเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของที่บ้านแล้ว ยังมีภัยที่เด็กๆ อาจจะถูกล่อลวงไปทำร้าย ข่มขืน กรรโชกทรัพย์ หรือแม้กระทั่งการสังเวยชีวิต ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เมื่ออาชญากรรายหนึ่งเป็นชายวัย 24 ปีชื่อ "โยกี้" ได้ล่อลวงสาวน้อยอายุ 14 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊กให้ไปพบกัน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะวางยาเด็กสาวและข่มขืนกระทำชำเราพรากความบริสุทธิ์ของเด็กสาวไปโดยไม่ได้สมยอม
ตำรวจพบด้วยว่าสถานที่เกิดเหตุ เป็นเซฟเฮ้าส์ ที่นายโยกี้ได้ก่อเหตุเช่นนี้กับเด็กสาวมาหลายต่อหลายคนแล้ว และทุกคนก็ใช้การติดต่อผ่านทางเฟซบุ๊ก
หลังจากข่มขืนอย่างหนำใจแล้ว นายโยกี้ ก็จัดส่งเด็กสาวทั้งหมดลงเรือไปยังเกาะบาตาม เพื่อขายเหยื่อทั้งหมดให้แก่เจ้าของสถานบริการทางเพศ ต่อไป
สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ ⇒⇒ http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/143832
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น